หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

เปิดตัว Samsung Smart Camera EX2

ซัมซุงเนรมิตทริปถ่ายภาพสวยคมชัดยามค่ำคืน ด้วย  Samsung Smart Camera EX2 ดื่มด่ำกับเทศกาลเฉลิมฉลอง พร้อมสัมผัสบรรยากาศสุดคลาสสิคริมแม่น้ำจ้าพระยา



กรุงเทพฯ (12 ธันวาคม 2555 ซัมซุงจัดทริปถ่ายภาพสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ชื่นชมการประดับประดาไฟริมสองฝั่งแม่น้ำอันเป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลแห่งความสุข พร้อมย้อนเวลาไปสู่ความคลาสสิคแบบมีระดับที่เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เต็มอิ่มกับการถ่ายภาพคมชัดยามค่ำคืน เก็บทุกภาพความประทับใจผ่าน “Samsung Smart Camera EX2” พร้อมแชร์ภาพความประทับใจได้ทันทีด้วย Wi-Fi

นายรัชตะ สุทธาพัฒน์ธานนท์ ผู้จัดการอาวุโสธุรกิจดิจิตอล อิมเมจจิ้ง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า “ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาซัมซุงได้สร้างเทรนด์การถ่ายภาพที่ได้กระแสตอบรับ ล้นหลามกับการเปิดตัวSamsung Smart Camera EX2 ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ชอบภาพถ่ายคุณภาพและสามารถแชร์ได้ทันทีทุกที่ที่มี Wi-Fi ล่าสุดซัมซุงเปิดตัว ซัมซุง สมาร์ท คาเมร่า EX2F (Samsung Smart Camera EX2F )ที่เหมาะอย่างยิ่งกับการเก็บภาพเทศกาลแห่งความสุขที่กำลังใกล้เข้ามาทั้งเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่    ที่ทุกที่ต่างส่องสว่างไปด้วยแสงไฟระยิบระยับอันเป็นสัญลักษณ์แห่งเทศกาลเฉลิมฉลอง 

Samsung Smart Camera EX2  ล้ำหน้าด้วยนวัตกรรมที่ทำให้การถ่ายภาพมีคุณภาพระดับมืออาชีพ การันตีด้วยรางวัลจากเวที CES 2013 ให้ความละเอียดในการถ่ายภาพ 12.4 ล้านพิกเซล มาพร้อมเลนส์ Schneider KREUZNACH ออพติคอลซูม 3.3 เท่า เลนส์มุมกว้าง 24 มม.และยังเป็นกล้องที่มีค่ารูรับแสงกว้างถึง F1.4 และปรับค่า ISO ได้สูงถึง 12800 ช่วยให้ภาพถ่ายสวยคมชัดแม้ถ่ายในที่แสงน้อย มากับหน้าจอ AMOLED ขนาด 3 นิ้ว ที่ปรับหมุนได้ ให้อิสระในการถ่ายภาพแบบไร้ขีดจำกัด สร้างความสนุกในทุกทุมมอง พร้อมลูกเล่น     อันน่าตื่นตามากมาย อาทิ Live Panorama เห็นภาพพาโนรามาในขณะถ่ายทันที ND Filter ปรับลดปริมาณแสง    ที่มากไปให้ภาพมีมิติขึ้น และ Smart Filter ให้เลือกถึง 13 รูปแบบ และยังบันทึกวิดีโอคมชัดระดับ Full HD 1080p / 30 เฟรมต่อวินาที


ทริปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ “Bright Eyes View by Samsung Smart Camera EX2F” ได้ถูกเนรมิตขึ้นเพื่อให้ ทุกคนได้ร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุขท่ามกลางความสว่างไสวของสีสันยามค่ำคืนของมหานครกรุงเทพ  ผ่านมุมมองใหม่ด้วยกล้อง Samsung Smart Camera EX2  ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยผสานกับบรรยากาศที่เป็นใจ ของการล่องเรือชมวิถีชีวิตริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน จึงดึงดูดเหล่าช่างภาพให้ต้องออกมาเก็บความงดงามผ่านกล้องตัวเก่ง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าภาพที่มองผ่านเลนส์ของ Samsung Smart Camera EX2  นั้นงดงามกว่าที่เคยเห็นมา

หลังจากดื่มด่ำกับการล่องไปตามสายน้ำ ซัมซุงได้พาผู้ร่วมทริปทุกท่านเดินทางย้อนเวลาสู่อดีต ณ เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ เพลิดเพลินกับการเก็บภาพสวยๆ ในหลากหลายมุม ไม่ว่าจะเป็นต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ที่ประดับไฟอย่างสวยงาม ระบำน้ำพุอันน่าตื่นตาตื่นใจ หอนาฬิกาที่ตั้งตระหง่านโชว์ความคลาสสิค แห่งย่านกรุงเก่า รวมถึงบรรยากาศรอบตัวที่ซัมซุงกล้าการันตีว่าภาพทุกภาพที่ถ่ายผ่าน ซัมซุง สมาร์ท คาเมร่า EX2F จะเปล่งประกายในมุมมองที่แตกต่าง สร้างความประทับใจแบบไม่รู้ลืม

และแน่นอนว่าทุกคนที่ได้ร่วมทริปครั้งนี้ ย่อมต้องการจะแบ่งปันความสุข ความสนุกให้คนพิเศษได้ร่วมรับรู้ทุกอณูความสุขไปพร้อมๆ กัน ด้วย Samsung Smart Camera EX2 ที่รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi ในตัว ทำให้พร้อมแชร์ช่วงเวลาพิเศษที่น่าจดจำผ่านทาง Facebook™, Picasa™, Photobucket™ หรืออีเมล์ได้ทันที นอกจากนั้น  ยังสามารถอัพโหลดวิดีโอไปยัง Youtube™ ได้ และด้วยคุณสมบัติการเชื่อมต่อไร้สาย ทำให้สามารถแบคอัพข้อมูลไปยัง Cloud™หรือคอมพิวเตอร์พีซีได้อย่างสะดวกสบาย เป็นอันปิดทริปนี้แบบคุ้มค่ากับทุกรอยยิ้มและ ความประทับใจที่ได้รับจากSamsung Smart Camera EX2

ที่มา : http://www.klongdigital.com/news/Samsung-Smart-Camera-EX2F

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556

Fujifilm FinePix HS20 review

Finepix HS20 EXR ถ่ายภาพต่อเนื่องได้ความเร็วสูงสุด 8 ภาพต่อวินาทีที่ความละเอียดสูงสุด 16 ล้านพิกเซล ซึ่งเทียบได้เท่าๆ กับกล้อง DSLR ระดับโปรเลยล่ะครับ และยังปรับเพิ่มเป็นสูงสุด 11 ภาพต่อวินาที โดยกล้องจะปรับความละเอียดเป็น 8 ล้านพิกเซล แต่ถึงจะเพียง 8 ล้าน ก็ไม่ได้น้อยเกินไปหรอก ถ้าเก็บแอ๊คชั่นได้ครบถ้วน

รูปแบบถ่ายภาพต่อเนื่องยังเลือกการทำงานแบบ Best Frame Capture Mode ซึ่งกล้องสามารถบันทึกภาพนอกเหนือจากภาพที่กดชัตเตอร์ได้อีก 7 และ 15 ภาพ โหมดนี้เจ๋งดีเหมือนกันครับ โดยผู้ใช้ตั้งความเร็วในการบันทึกภาพต่อเนื่องได้ที่ 11, 8, 5 และ 3 ภาพต่อวินาที รวมทั้งเลือกได้ว่าจะให้กล้องบันทึกจังหวะก่อนหน้า หรือหลังจากที่กดชัตเตอร์ รวมทั้งสามารถเลือกย่อยลงไปได้อีกว่าจะให้กล้องบันทึกย้อนหลังเป็นอัตราส่วน อาทิ เมื่อเลือกบันทึก 8 ภาพ สามารถเลือกอัตราส่วนได้เป็น 7.0, 6.1, 5.2, 4.3, 3.4, 2.5, 1.6 และ 0.7 งงมั๊ยครับ ถ้างงอ่านต่อเลยครับ ช้าๆ นะครับ เมื่อเลือกใช้งานฟังก์ชั่นนี้ ทันที่ที่แตะปุ่มชัตเตอร์ กล้องจะเริ่มบันทึกภาพ ซึ่งผู้ใช้จะได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังแต๊กๆ อยู่ตลอด กล้องจะเก็บบันทึกภาพทั้งหมดในบัพเฟอร์ก่อน เมื่อผู้ใช้กดปุ่มชัตเตอร์ลงไปจนสุด กล้องจึงจะเริ่มบันทึกภาพจริง ตามอัตราส่วนการปรับตั้ง อาทิ เลือกรูปแบบบันทึก 8 ภาพ ให้กล้องบันทึกภาพหลังจากที่กดชัตเตอร์แล้ว คืออัตราส่วน 0.7 เมื่อกดชัตเตอร์ลงไปจนสุด กล้องจะบันทึกภาพต่อจากจังหวะที่กดชัตเตอร์ไปอีก 7 ภาพ จากนั้นจะบันทึกลงในเมมโมรี่การ์ด หรือเมื่อเลือกบันทึกอัตราส่วน 7.0 กล้องจะบันทึกล่วงหน้า 7 ภาพและหยุดบันทึกจังหวะที่กดชัตเตอร์จนสุดนั่นแหละครับ และผู้ใช้สามารถเลือกจังหวะภาพที่ดีที่สุดมาใช้งานได้ 

มีข้อแนะนำคือ เมื่อแตะปุ่มชัตเตอร์ จะได้ยินเสียงชัตเตอร์ดังต่อเนื่อง หากปล่อยนิ้วออกจากปุ่มชัตเตอร์จะไม่มีภาพใดๆ เกิดขึ้น เพราะผู้ใช้ยังไม่ได้กดปุ่มชัตเตอร์เพื่อถ่ายภาพ หรือกดลงไปจนสุดนั่นเอง หรือเมื่อแตะค้างไว้โดยไม่กดปุ่มชัตเตอร์ลงไปจนสุด ประมาณ 10 วินาที กล้องจะบันทึกภาพให้โดยอัตโนมัติ

ในโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องนี้ยังเลือกการทำงานอื่นๆ ได้อีก อาทิ ถ่ายภาพคร่อมค่าการวัดแสง ถ่ายภาพคร่อม Film Simulation และถ่ายภาพคร่อมไดนามิกเรนจ์ เป็นต้น ฟังก์ชั่นทั้งหมดช่วยลดความผิดพลาดจากการปรับตั้งกล้อง หรืออาจจะเป็นเหตุการณ์ที่พลาดไม่ได้ ซึ่งช่วยให้ได้ภาพสวย คมชัดตามที่ต้องการอย่างแน่นอน




Fujifilm Finepix HS20 EXR พัฒนาประสิทธิภาพการทำงานต่อจากรุ่น HS 10 จุดแตกต่างที่ชัดเจนเลยคือ ใช้เซ็นเซอร์แบบใหม่ EXR CMOS ความละเอียดสูงถึง 16 ล้านพิกเซล ที่รวบรวมเทคโนโลยีการทำงานที่ยอดเยี่ยมไว้ด้วยกัน อาทิ HR (High Resolution), DR (Wide Dynamic Range) และ SN (High Sensitivity and Low Noise) ช่วยให้ถ่ายทอดสีสัน ความคมชัด และโทนภาพ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และอีกหนึ่งจุดเด่นคือ ใช้เลนส์พลังซูมสูงถึง 30 เท่า ทางยาวโฟกัส 24-720 มม. ครอบคลุมการถ่ายภาพแบบต่างๆ ทั้งวิวทิวทัศน์ ภาพบุคคล ภาพแคนดิด หรือสิ่งที่อยู่ในระยะไกล อย่างเช่น ภาพสัตว์ป่า หรือภาพกีฬา


เซ็นเซอร์ภาพแบบใหม่ EXR CMOS 16 ล้านพิกเซล ออกแบบโครงสร้างของเซ็นเซอร์เป็นแบบ Back Side Illuminated (BSI) โดยวางตำแหน่งของ Hi-speed Transfer Circuit ไว้ด้านหลังของ Photodiode ทำให้แสงสามารถผ่านเข้าสู่ Photodiode ได้เต็มที่ และไม่มีการสะท้อนกลับ เหมือนรูปแบบของเซ็นเซอร์แบบเดิม ซึ่งมีข้อดีคือช่วยให้ถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้เป็นอย่างดี โดยไม่จำเป็นต้องตั้งใช้ความไวแสงสูงมากนัก รวมทั้งมี Noise ที่น้อยลงด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ยังทำงานประสานกันเป็นอย่างดีกับหน่วยประมวลผล EXR ซึ่งทำให้มีการทำงานที่รวดเร็ว ตอบสนองการใช้งานได้เป็นอย่างดี และให้ไฟล์ภาพคุณภาพสูง 

ภาพโครงสร้างของเซ็นเซอร์แบบ BSI
1. Micro Lens  
2. Color Filter  
3. Photodiode  
4. High Speed Transfer Circuit


เปรียบเทียบเซ็นเซอร์แบบเก่า กับแบบ BSI CMOS

การสูญเสียแสงหรือการสะท้อนกลับของแสงจะน้อยลง เซ็นเซอร์จะรับแสงได้ดีขึ้น 

1. Light 
2. High Speed Transfer Circuit 
3. Photodiode



สามประสาน สร้างสรรค์งานคุณภาพอีกแล้วครับท่าน

1. EXR CMOS Sensor  
2. EXR Processor  
3. Fujinon Lens



หลายๆ คนที่ใช้คอมแพค มักจะมีปัญหาเรื่องการปรับซูม ซึ่งส่วนมากจะใช้ก้านโยกซ้าย-ขวา เพื่อซูมเข้า-ออก เกินมั่ง ขาดมั่ง แต่สำหรับ HS 20 EXR ใช้ปรับซูมแบบมือหมุน เหมือน DSLR ยังไง ยังงั้น ต้องการระยะแค่ไหน หมุนไปได้เลย เป๊ะๆ และมีตัวเลขระยะเลนส์บอกไว้ด้วย ทั้งระยะแบบดิจิตอล และเทียบเท่าระบบฟิล์ม เลนส์ที่ใช้ยังคงเป็น เลนส์ Fujinon ออพติคอลซูม 30 เท่าทางยาวโฟกัส 24-720 มม. เท่ากับรุ่นเดิม แต่เคลือบผิวเลนส์ใหม่แบบ Super EBC (Electronic Beam Coating) ช่วยลดแสงฟุ้งและแฟลร์ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งลดอาการขอบภาพม่วงลงไปด้วย ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจสมาชิกเวบหรือเปล่า เพราะเห็นแซวๆ กันว่าชอบม่วง ชอบม่วง



โหมดถ่ายภาพของ HS20 EXR ปรับเปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมบ้าง โดยเมื่อเปลี่ยนมาใช้เซ็นเซอร์ EXR ก็เลยพ่วงโหมด Auto EXR มาแทนโหมด SR Auto ซึ่งกล้องจะปรับเลือกรูปแบบการทำงานของเซ็นเซอร์ภาพให้เหมาะสมกับรูปแบบภาพที่ต้องการโดยอัตโนมัติ เช่นถ้าหากว่าถ่ายภาพในสภาพแสงปกติ กล้องจะปรับโหมดเป็น HR (High Resolution) ซึ่งเก็บรายละเอียดและถ่ายทอดคุณภาพของภาพที่สูงสุด ให้ภาพที่มีสีสันอิ่มตัวสูงสุด ส่วนถ้าหากว่าถ่ายภาพในสภาพแสงที่ต่างกันมากๆ หรือคอนทราสต์สูง กล้องจะปรับโหมดเป็น DR (Wide Dynamic Range) ขยายไดนามิกเรนจ์ให้กว้างขึ้น เพื่อให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดครบถ้วนทั้งในส่วนมืดและส่วนสว่าง และเกลี่ยภาพให้ได้โทนที่เป็นธรรมชาติ และเมื่อถ่ายภาพในสภาพแสงน้อง กล้องก็จะปรับโหมดเป็น SN (High Sensitivity and Low Noise) และปรับชิฟท์ความไวแสงให้สูงขึ้นตามความเหมาะสมในแต่ละสภาพแสง และลด Noise ไปด้วย ซึ่งช่วยให้ได้ภาพที่คมชัดเช่นกัน  หรือจะเลือกปรับใช้งานแต่ละโหมดด้วยตนเองก็ได้เหมือนกัน


นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพอื่นๆ เช่น โหมดออโต้ โหมด SP หรือ Scene Position ซึ่งเป็นโหมดจำลองรูปแบบภาพสำเร็จรูปให้ผู้ใช้เลือกใช้งานได้ตามความต้องการ โหมด Advance Mode หรือ Adv. มีสองโหมดถ่ายภาพให้เลือกใช้ โหมดแรกคือ Pro Focus Mode สำหรับถ่ายภาพบุคคลที่เน้นฉากหลังเบลอ เพื่อช่วยให้ซับเจคต์เด่นขึ้น โดยกล้องจะถ่ายภาพสองภาพ โฟกัสที่ซับเจคต์ในภาพแรก และภาพที่สองปรับโฟกัสไปที่ฉากหลัง จากนั้นจะนำเอาภาพทั้งสองมาประมวลผลใหม่แล้วบันทึกเป็นภาพเดียวที่ชัดเฉพาะซับเจคต์ ส่วนฉากหลังจะเบลอ แยกซับเจคต์โดดเด่นออกมาชัดเจน โดยไม่ต้องพะวงว่าจะต้องใช้รูรับแสงกว้างๆ หรือซูมเลนส์ที่ระยะเทเล หรือจะต้องเข้าไปถ่ายใกล้ๆ เท่านั้น 


อีกโหมดหนึ่งคือ Pro Low Light Mode ซึ่งกล้องจะถ่ายภาพต่อเนื่องกัน 4 ภาพ แล้วนำมาประมวลผลเป็นภาพใหม่ที่มีความคมชัดสูงสุด เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน และปราศจาก Noise ถึงแม้ว่าจะถ่ายภาพโดยใช้ความไวแสงสูงมากๆ ก็ตาม ข้อแนะนำสไหรับโหมดนี้คือ เหมาะสำหรับถ่ายภาพสิ่งที่ไม่มีการเคลื่อนไหว หรืออยู่นิ่งๆ กับที่ เพราะถ้าหากว่าเกิดการเคลื่อนไหวหรือเคลื่อนที่แล้ว การประมวลผลจากภาพทั้ง 4 ภาพอาจจะผิดพลาดได้    



ส่วนผู้ที่ต้องการควบคุมการทำงานของกล้องทั้งหมด สามารถเลือกใช้โหมดโปรแกรม (P), โหมดออโต้รูรับแสง (S), โหมดออโต้ความเร็วชัตเตอร์ (A) และโหมดแมนนวล (M) ซึ่งสามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ของกล้องได้เองทั้งหมด



และสำหรับผู้ที่ถ่ายภาพบางอย่างอยู่เป็นประจำ และไม่มีการปรับเปลี่ยนค่าการตั้งกล้องใหม่ ก็สามารถตั้งค่านั้นๆ ให้เป็นโหมดถ่ายภาพเฉพาะ หรือ Custom Mode ซึ่งเป็นรูป C อย่างเช่น ถ่าย Portrait อยู่เป็นประจำ ก็สามารถตั้งค่าต่างๆ ของกล้องให้เหมาะสำหรับถ่าย Portrait และบันทึกเก็บไว้ในตำแหน่ง C เมื่อถ่ายภาพครั้งต่อไป ผู้ใช้ก็หมุนแป้นปรับโหมดถ่ายภาพมาที่ตำแหน่ง C และใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องปรับตั้งค่าอะไรเพิ่มเติมอีก 



และถึงแม้ว่าจะเป็นกล้องแบบคอมแพคดิจิตอล แต่ก็สามารถบันทึกไฟล์ฟอร์แมท RAW และ RAW+JPEG ในโหมดถ่ายภาพนิ่งได้เช่นเดียวกับ DSLR ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการไฟล์ภาพคุณภาพสูงสุด และต้องการปรับแก้ไขไฟล์ภาพตามที่ต้องการในภายหลัง  ถ้าหากว่าถ่ายเป็น JPEG ปกติ แต่บางภาพต้องการถ่ายเป็น RAW ก็กดปุ่มควบคุม 4 ทิศทางด้านบน ได้เลย แต่ใช้เฉพาะบันทึกภาพต่อภาพเท่านั้น  และถ้าหากต้องการถ่าย RAW ทั้งหมด หรือถ่าย RAW+JPEG จะต้องเข้าไปปรับตั้งจากเมนู



ฟังก์ชั่นจำลองรูปแบบฟิล์ม หรือ Film Simulation มีให้ใช้งานกับกล้องฟูจิฟิล์มหลายๆ รุ่น สามารถเลือกใช้งานตามความเหมาะสมได้ อาทิ Standard Mode จำลองรูปแบบฟิล์มสไลด์สี Provia สำหรับถ่ายภาพทั่วๆ ไป ที่ต้องการสีสันอิ่มตัว, Vivid Mode จำลองรูปแบบฟิล์มสไลด์สี Velvia สำหรับถ่ายภาพที่ต้องการสีสันที่สดใส และอิ่มตัวมากเป็นพิเศษ เช่น ภาพวิวทิวทัศน์ เป็นต้น, Soft Mode จำลองรูปแบบฟิล์มสี Astia ซึ่งให้โทนภาพที่นุ่มนวล และให้สีผิวที่ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับถ่ายภาพบุคคล นอกจากนี้ยังมี Black & White สำหรับถ่ายภาพขาว-ดำ และ Sepia สำหรับถ่ายภาพแบบเก่าๆ ย้อนยุค โดยให้ภาพออกโทนสีน้ำตาล



หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า เมื่อซูมภาพที่ระยะเทเลมากๆ แล้วต้องถือด้วยมือ กล้องจะไม่สั่นหรือ HS20 EXR  จึงออกแบบระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบสองต่อคือ ปรับชิฟท์เซ็นเซอร์รับภาพ และปรับความไวแสงให้สูงขึ้นตามความเหมาะสม เพื่อให้ได้ความเร็วชัตเตอร์ที่สูงขึ้น เพื่อให้ภาพที่คมชัดสมบูรณ์แบบ ซึ่งโดยปกติจะชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้ต่ำลงประมาณ 4 สตอป ซึ่งถ้าหากว่าสภาพแสงน้อยเกินไป หรือความเร็วชัตเตอร์ต่ำเกินเกณฑ์ปกติ ก็ต้องเปิดแฟลช หรือใช้ขาตั้งกล้องช่วยครับ เมื่อเลือกโหมดถ่ายภาพ EXR Auto กล้องจะปรับระบบป้องกันการสั่นไหวให้เป็นแบบ Advanced Anti Blur โดยกล้องจะถ่ายภาพต่อเนื่องกัน 4 ภาพจากนั้นจะนำภาพทั้งหมดมาประมวลผลใหม่และรวมเป็นภาพเดียวที่ให้ความคมชัด และมี Noise ต่ำ


HS20 EXR ยังคงใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ AA 4 ก้อน เช่นเดียวกับรุ่นเดิม 

ข้อดีคือหาซื้อไม่ยาก ใช้สะดวก แต่เปลืองมากกว่าแบบ Li-Ion 

หรือถ้าหากว่าใช้แบบ รีชาร์จ ก็ช่วยให้ประหยัดไปได้มากขึ้น 

ประโยชน์ของแบตเตอรี่ AA ที่เคยสัมผัสมาเลยคือ เวลาที่จะต้องถ่ายภาพแล้วแบตหมด และอยู่ในสถานการณ์ที่หาที่ชาร์จไม่ได้ Li-Ion เซ็งเลยล่ะครับ ส่วนกล้องที่ใช้แบต AA ถ่ายได้ตามปกติ เพราะมีอัลคาไลน์สำรอง

สำหรับ DSLR ที่ใช้แบตเตอรี่กริป แล้วมีรางถ่าน AA แถมมาด้วย หยิบติดไปด้วยเวลาออกทริป ช่วยได้ในยามฉุกเฉินนะครับ




วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

Review Sony NEX-7



รายละเอียดกล้อง Specifications 
เซนเซอร์รับภาพแบบ APS-C 1.11 ชนิด Exmor APS HD CMOS Sensor (2.5 x 15.6 มม.) ตัวคูณโฟกัส 1.5
จำนวนพิกเซลที่ใช้งานจริง 24.3 ล้านพิกเซล
ขนาดภาพถ่าย (อัตราส่วนภาพ 3:2) L: 6000 x 4000
ขนาดภาพถ่าย (อัตราส่วนภาพ 3:2) M: 4240 x 2832
ขนาดภาพถ่าย (อัตราส่วนภาพ 3:2) S: 3008 x 2000
ขนาดภาพถ่าย (อัตราส่วนภาพ 16:9) L: 6000 x 3376
ขนาดภาพถ่าย (อัตราส่วนภาพ 16:9) M: 4240 x 2400
ขนาดภาพถ่าย (อัตราส่วนภาพ 16:9) S: 3008 x 1688
ขนาดภาพถ่าย (Sweep Panorama) Wide: horizontal 12416 x 1856 (23M), vertical 5536 x 2160 (12M)
ขนาดภาพถ่าย (Sweep Panorama) Standard: horizontal 8192 x 1856 (15M), vertical 3872 x 2160 (8.4M)
รูปแบบในการบันทึก / คุณภาพไฟล์ RAW, RAW + JPEG , JPEG Fine, JPEG Standard
โหมดการโฟกัส AFS, AFC, Manual
ระบบการโฟกัสใช้ระบบ Contrast AF
ระบบ Auto Focus มี 3 รูปแบบ 25 multi-point หลายจุด, Centre-weighted กลางภาพ, Fliexible spot จุดที่ปรับได้, Object Tracking ติดตามวัตถุ, Face Detection ติดตามใบหน้า
เลนส์ที่สามารถใช้ได้ Sony E-mount และ Sony / Minolta A Mount ใช้ผ่าน Sony Adapter LA-EA2
ความเร็วชัตเตอร์ 30 - 1 / 4000 วินาที , Bulb
ระบบวัดแสง ระบบวัดแสงแบบแบ่งโซน 1200 - โซน , เฉลี่ยหนักกลาง , จุด
ความไวแสง (ISO) Auto, 100, 200, 400, 800, 1600, 3200, 6400, 12800, 16000
โหมดถ่ายภาพ iAuto, Scene Selection, Anti Motion Blur, Sweep Panorama, 3D Sweep Panorama, Manual Exposure, Shutter Priority, Aperture Priority, Program Auto
Creative Styles : Standard, Vivid, Neutral, Clear, Deep, Light, Portrait, Landscape, Sunset, Night, Autumn Leaves, B&W, Sepia
SCENE MODE :Portrait, Landscape, Macro, Sports Action , Sunset, Night Portrait, Night Scene , Hand-held Twilight,
Picture Effect ภาพแบบโทนหยาบ (สี/ขาวดำ), สีสดใส, ภาพโบราณ, สีบางส่วน (แดง, เหลือง, ฟ้า, เขียว), ขาวดำแบบความเข้มสูง, กล้องทอย, ซอฟท์ไฮคีย์, ภาพวาด, ภาพขาวดำแบบไล่โทน, ภาพเมืองจำลองเมมโมรี่สติ๊ก
สมดุลย์แสงสีขาวAuto WB, Daylight, Shade, Cloudy, Incandescent, Fluorescent (Warm white/Cool white/Day) / Color temperature setting
ระบบวัดแสง ระบบวัดแสงแบบแบ่งโซน 114 โซน , เฉลี่ยหนักกลาง , จุด
ระบบชดเชยแสง 1/3EV Step ±5EV
ช่วงความไวแสง EV 0 - 18 (ISO100 equivalent)
ถ่ายภาพต่อเนื่อง 10 ภาพต่อวินาที และโหมดปกติ 3-5 ภาพต่อวินาที
หน่วยความจำสำรองรองรับ : Fine 17 ภาพ, Raw 13 ภาพ, Raw + Jpeg 11 ภาพ
ระยะแฟลช (Flash Guide Number) 6 เมตร ที่ ISO 100 รองรับเลนส์ 18mm
ความไวชัตเตอร์สัมพันธ์กับแฟลช X Sync 1/160 วินาที
โหมดแฟลช Flash off, Autoflash, Fill-flash, Slow Sync., Rear Sync, Wireless
จอมอนิเตอร์ LCD 3 นิ้ว ความละเอียดจอ 921,600 พิกเซล แบบ Xtra Fine LCD ใช้เทคโนโลยี TruBlack screen ครอบคลุมการมองเห็น 100% ปรับขึ้นได้ 85 องศาและปรับลงได้ 45
ช่องมองภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ ชนิด XGA OLED ขนาด 1.3 ซม
ความละเอียด 2,359,296 จุด
อัตราขยาย.1.09x
เห็นภาพเต็มกรอบ 100%
ไฟล์ภาพเคลื่อนไหว AVCHD & MPEG-4
ความละเอียดภาพเคลื่อนไหว
AVCHD: 1080 60i/p up to 28mbps (50i/p in Europe & Asia)
AVCHD: 1080 24i/p up to 24mbps (25i/p in Europe & Asia)
MPEG-4: 1440 x 1080 29.97fps 12mbps
MPEG-4: 640 x 480 29.97fps
ระบบการบันทึกเสียง Dolby Digital (AC-3) / MPEG-4 AAC-LC
สื่อที่ใช้ในการบันทึก เมมโมรี่สติ๊ก Memory Stick PRO Duo / Memory Stick PRO-HG Duo / SD Memory Card / SDHC memory card / SDXC memory card รองรับการ์ดความเร็วสูง Class 10 ความจุสูงถึง 32 GB
เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ต USB 2.0 (High Speed)
เชื่อมต่อทีวีผ่านพอร์ต HDMI Type C
แจ็คไมโครโฟนขนาด 3.5mm
ชนิดแบตเตอรี่ Li-ion Battery Pack NP-FW50 Lithium-Ion
ถ่ายได้ประมาณ 310 ภาพ กับ EVF และ 430 กับ LCD
ขนาดกล้อง120 x 67 x 43 มม. (กว้าง สูง ลึก)
น้ำหนักตัวกล้อง 415 กรัม (รวมการ์ดและแบตเตอรี่)




ตัวกล้องและการออกแบบ
แรกเห็นก็ต้องบอกว่าเหมือน NEX-5N เป็นอย่างมาก ตัว Body ดูเป็นโลหะทั้งตัว แต่ที่โดดเด่นออกมาก็คือ มี Dial 2 ตัวอยู่ด้านบน อีกทั้งยังมี Flash Hot Shoe มาด้วย โครงสร้างด้านในทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ ให้ความแข็งแรงและเบา ส่วน EVF ที่มีมาให้พร้อม Hood ก็ดูไม่ใหญ่มาก เลนส์ 18-55 /F3.5-5.6 OSS ที่ติดกล้องมานั้นเป็นสีดำดูเหมาะกับตัวกล้องเป็นอย่างมาก เรียกว่าการทำสีที่ตัวเลนส์เพื่อให้เข้ากับ Body NEX-7 โดยเฉพาะ

เมื่อลองจับดูรู้สึกได้ถึงความกระชับมือมาก Grip จับหนาเต็มมือ ใช้ยางลายหนังสีดำทำให้ดูหรูดี จะมีเพียงนิ้วก้อยเท่านั้นที่หลุดออกมา น้ำหนักมากกว่า 5N อย่างรู้สึกได้ บานพับด้านซ้ายมาพร้อมช่อง HDMI สำหรับแสดงผลออก LCD TV ช่อง USB 2 Highspeed (จริง ๆ อยากให้เป็น USB3.0 มากกว่าครับ) และช่องเสียบไมโครโฟน ขนาด 3.5mm แต่ผมก็ยังอยากได้ช่องเสียบหูฟังอยู่ดี จะได้ตรวจสอบเสียง VDO ที่บันทึกได้ด้วย เมื่อวางเทียบกับ NEX-5 ดูแล้ว NEX-7 จะดูใหญ่กว่า 15-17 เปอร์เซ็นต์


ความสำเร็จจากกล้อง NEX ที่ผ่านมาทำให้ยอดจำหน่ายกล้องของโซนี่สูงขึ้นมาเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้มีสมาชิกผู้ใช้เพิ่มเขึ้นอย่างมากมาย ยิ่งตอกย้ำอีกครั้งกับ NEX-C3 และ 5N ที่สวนกระแสขายดีในช่วงน้ำท่วม ถึงขั้นขาดตลาดเลยทีเดียว 

กลับมาอีกครั้งกับกล้อง NEX-7 ที่วางตำแหน่งสำหรับกลุ่มผู้ใช้กล้องมืออาชีพ หรือมือสมัครเล่นที่จริงจัง (ไม่จริงจังไม่ได้เพราะราคาจริงจังมากก) โซนี่วางกล้องตัวนี้ ในตำแหน่ง Top ของกองทัพ Mirrorless โดยเน้นที่การปรับตั้งง่ายเช่นเดียวกับกล้อง DSLR ด้วย Dial 3 ตัวและมีลูกเล่นฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่นักถ่ายภาพจริงจังอยากให้มีมาครบเลยทีเดียว กับเซนเซอร์ขนาด APS-C ที่มาพร้อมควาละเอียด 24 ล้านพิกเซล ซึ่งสูงสุดในตลาดในขณะนี้ (30 ม.ค. 55) และเพิ่มฮอทชูแฟลชไว้ข้างบนบอดี้ทำให้สามารถใช้แฟลชนอกสำหรับ Sony DSLR ได้ รวมถึงการใช้งานใน Studio ก็ไม่มีปัญหา สุดล้ำกับความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องถึง 10 ภาพต่อวินาที

การรอคอยที่ยาวนาน จากปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพครั้งใหญ่ ทำให้กำหนดการเดือนธันวาคมต้องเลื่อนออกมาเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 55 ด้วยข่าวสารที่ออกมาก่อนหน้าทำให้มีผู้คนคอยการมาถึงของกล้องตัวนี้จำนวนมาก ไม่ว่าจะหวังให้เป็นกล้องตัวสำรองในการทำงานหรือเป็นกล้องในวันสบาย ๆ แต่ก็มีไม่น้อยที่ขาย DSLR ทิ้งและหมายมั่นจะใช้ NEX-7 เป็นกล้องหลัก เพราะเบื่อที่จะแบกกล้องหนัก ๆ 

NEX-7 เหมาะสำหรับใคร? ส่วนตัวผมมองกว่ากล้องตัวนี้เหมาะกับผู้ที่ถ่ายภาพแบบจริงจัง และเน้นใช้แทน DSLR มากกว่า เพราะด้วยความสามารถของกล้อง บอกได้คำเดียวว่า DSLR รุ่นกลาง ๆ นี้แพ้ไปเลย ด้วยฟังก์ชั่นที่มีมาให้อย่างครบ และเน้นที่การปรับตั้งง่าย อีกทั้งราคาค่าตัวที่แพงกว่า DSLR รุ่นกลาง ๆ อีก จึงไม่เหมาะกับมือใหม่เป็นอย่างยิ่งครับ

Peaking Level & Lens Manual Focus

ปัจจุบันกล้อง NEX เป็นที่นิยมกันมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบนำเลนส์ Manual รุ่นเก่า มากใช้ โดยนำมาต่อกับ Adaptor แปลงเมาร์เลนส์ ไม่ว่าจะเป็น เลนส์ Nikon Ai, Voigtlander, Leica M หลายคนชมว่าภาพที่ได้โบเก้มีเอกลักษณ์ รวมถึงความคมและสีสันที่ classic


แต่การจะมาโฟกัสมือบนจอ LCD 3 นิ้ว ไม่ใช้เรื่องง่าย ยิ่งเลนส์ F กว้าง ๆ ยิ่งหลุดโฟกัสได้ง่าย NEX-7 มี ผู้ช่วยในการโฟกัสมือ 2 ท่านครับ
ผู้ช่วยคนที่ 1 MF Assist เมื่อใช้ฟังก์ชั่นนี้กล้องจะซูมภาพขึ้นมา 5.9 เท่าให้เราดูว่าจุดที่เราต้องการโฟกัสชัดหรือยัง และสามารถเปลี่ยนตำแหน่งที่ซูมไปที่อื่นได้ โดยควบคุมที่ Joysteck หรือจะใช้ Dial 2 และ 3 ก็ได้ครับ 

1. (Menu > Setup > MF Assist > On)
2. ((Menu > Setup > MF Assist Time > No Limit
3 . (Menu > Setup > Custom Key Settings > [Right Key Seting / Soft Key B Setting] > MF Assist)

ผู้ช่วยคนที่ 2 Peaking Level เพราะ NEX ใช้ระบบโฟกัสแบบคอนทราสโฟกัส ทำให้ผู้ผลิตคิดวิธีเอาประโยชน์คอนทราส AF มาช่วยยืนยันจุดที่โฟกัสชัดอยู่ โดยการจะแสดงสี ในส่วนที่ชัดของภาพ ในฟังก์ชั่นนี้เราสามารถเลือกได้ 3 ระดับ Lo Mid High และเลือกสีได้ 3 สี ขาว เหลือง แดง



Test Memory Card for Sony NEX-7
ในการทดสอบ Sony Nex-7 ครั้งนี้ผมได้รับเมมโมรี่การ์ด ที่ Top สุดของ Sony มาทดสอบ SD-Card HC I 16GB ที่เครมว่าเร็วที่สุดที่ SD-Card จะทำได้แล้ว คือ 94MB ต่อวินาที ซึ่งในตลาดตอนนี้จะมีผู้ผลิต Memory หลายเจ้า และก็จะมีแบบ Brand อะไรไม่รู้ ถูกมากกกกก แต่ใช้ไปแล้ว ภาพหาย บางก็*้คืนมาได้บ้าง บ้างก็ข้อมูลกลับมาไม่ได้เลย ส่วนสาเหตุก็แล้วแต่ครับ เอาการ์ดออกจากกล้องโดยไม่ได้ Power Off ซะก่อน หรือเสียกับ Reader Card จีนถูก ๆ แล้วช็อตข้อมูลหายก็มี ล่าสุดผมต้องเซ็งกับ การยี่ห้อนึง Txxx SC-HD up20mb รุ่น 32GB ราคาถูกกว่า Transcend ประมาณ 400-500 บาท เอาไปถ่ายงานได้ 3 วัน ร่วม 18GB งานเปิดตึกใหม่ งาน Test Review NEX-7 ที่ไปถ่ายในโรงแรมตกแต่งแนวแอนทีคสวยมาก และแข่งเทนนิส ปรากฏภาพที่ถ่าย ไว้ 3 งาน หายหมด*้ก็ไม่ได้ อย่างเซ็ง จึงทดลองเอา NEX-7 ยิงทดสอบ ถ่ายไปได้ ประมาณ 1400 ภาพ ก็จะแฮ็ง งานนี้เลยเดือดร้อนไปถึงบริษัทโซนี่ เลยส่ง Memory เทพมาให้ทดลองใช้ดูครับ


ปรากฏว่า....ไม่พบปัญหาอะไรและการอ่านเขียนก็เร็วกว่าการ์ดตัว Top สุดในปัจจุบันที่ผมพึ่งซื้อมาซะอีก เลยอยากเอามาทดสอบแบบให้ผล Lab ซะหน่อย 


ในการทดสอบผมใช้ Reader Card USB3.0 ที่ความเร็วในการอ่าน 80MB และเขียนได้ 60MB


จากที่ได้ทดลองใช้ SD-Card HC I 16GB มาถือว่าอ่านเขียนเร็วมาก ทำให้เวลาถ่ายภาพต่อเนื่อง ช่วงเวลาบันทึกสั้นลงแบบเห็นได้ชัดครับ และแอบเอาถูกกับแม่เหล็กดู-ข้อมูลก็ยังอยู่ดีมีสุขครับ หรือจะแกล้งกระชากออกจากกล้องโดยไม่ปิด ดึงออกจาก Reader Card จีนถูก ๆ โดยไม่ได้ Safely Remove ก่อน ก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้ข้อมูลในการ์ดได้เลยครับ


สรุป จากที่สดสอบมาอาจจะเป็นไปได้ว่า card reader usb3.0 ที่ผมใช้อยู่ยังไม่สามารถรีดความเร็วในการอ่านหรือเขียนได้สูงสุด แต่ภาพรวมของค่าที่ได้ ก็เป็นไปแบบสมเหตุสมผลครับ การ์ดถูกก็ไม่เร็ว การ์แพง ก็เร็วกว่า อย่างเห็นได้ชัด